บริการสืบค้น

Custom Search

หอศิลปและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยนเรศวร

ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์วิทยบริการ มหาวิทยาลัยนเรศวร (ส่วนสนามบิน) ถนนสนามบิน อำเภอเมือง จัดตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ ภายในจัดแสดงผลงานศิลปกว่าร้อยชิ้นของศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย อาทิ สวัสดิ์ ตันติสุข พูน เกษจำรัส ประยูร อุลุชาฎะ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ประเทือง เอมเจริญ และชวลิต เสริมปรุงสุข เป็นต้น และยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับ วิถีชุมชนภาคเหนือตอนล่าง จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องมือทำมาหากินต่างๆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ระหว่างเวลา 9.00 – 18.00 น. โทร. 0 5523 0720 

สวนนกไทยศึกษา

เปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเข้าชมแหล่งอนุรักษ์เรียนรู้นกที่พบในเมืองไทย ซึ่งบางชนิดหายาก และใกล้จะสูญพันธุ์ และบางชนิดได้สูญพันธุ์ไปแล้ว อาทิ นกเปล้าหน้าแดง ที่มีความสะดุดตา นกเงือกชนหินหน้าตาคล้ายสัตว์ดึกดำบรรพ์ คอเปลือย ไม่มีขน ผมบนหัวทรงพั้งค์ และเป็นตัวเดียวในประเทศไทย รวมทั้งทางสวนนกไทยศึกษาได้รวบรวมนกในวรรณคดีไทย เช่น นกขมิ้น นกโพระดก นกกาเหว่า นกสาลิกาเขียว และนกขุนแผน รวมทั้งนกอื่นๆ อีกหลายชนิดที่สามารถเลียนเสียงมนุษย์และมีเสียงร้องที่ไพเราะ รวมทั้งสิ้นประมาณ 120 ชนิด 
               ทั้งภายในบริเวณสวนนกไทยศึกษายังมีความร่มรื่นด้วยต้นไม้หลากหลายพันธ์ เพื่อให้นกได้อยู่อาศัยใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็ก 20 บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สวนนกไทยศึกษา เลขที่ 26/43 ถ.วิสุทธิ์กษัตริย์ ซอย 17 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000 โทรศัพท์ / โทรสาร 0 5521 2540 ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี หรือดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ WWW.geocities.com/thaibirdgarden  

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่)

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ตั้งอยู่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดพิษณุโลก เป็นวัดสำคัญที่สุดของจังหวัดพิษณุโลก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก ริมถนนพุทธบูชา เป็นวัดหลวงชั้นเอก “วรมหาวิหาร”   ภายในวิหารของวัดเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธชินราช” หรือที่ชาวเมืองพิษณุโลกเรียกว่า “หลวงพ่อใหญ่” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) โปรดให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระพุทธชินสีห์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดสุทัศนเทพวราราม และพระศรีศาสดาซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
   พุทธลักษณะของพระพุทธชินราชนั้นสวยงามมาก เส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิง พระหัตถ์มีปลายนิ้วทั้งสี่เสมอกัน ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษเรียกว่า ทีฒงฺคุลี ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในโลก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาชมและสักการบูชาพระพุทธชินราชเป็นจำนวนมาก
   ทุก ๆ ปี จะมีงานนมัสการพระพุทธชินราชในวันขึ้น 6 ค่ำ ถึงวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 3 (ประมาณปลายเดือนมกราคม) เรียกว่า “งานวัดใหญ่” ทางเข้าพระวิหารด้านหน้ามีบานประตูขนาดใหญ่ประดับมุกสวยงาม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2299 เป็นฝีมือช่างหลวงสมัยอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมโกศ
   บริเวณหลังวิหารพระพุทธชินราช มีพระอัฏฐารส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติสูง 18 ศอก สร้างในสมัยเดียวกับพระพุทธชินราช ราว พ.ศ.1800 เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารใหญ่แต่วิหารได้พังไปจนหมด เหลือเพียงเสาที่ก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ 3 – 4 ต้น เรียกว่า “เนินวิหารเก้าห้อง”
   ด้านหลังพระอัฏฐารส เป็นพระปรางค์ประธาน สร้างแบบสมัยอยุธยาตอนต้น ฐานย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ สันนิษฐานว่าเดิมเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (ดอกบัวตูม) ซึ่งถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัยแท้ ต่อมาถูกแปลงให้เป็นพระปรางค์ในสมัยอยุธยา

   นอกจากนี้ยังมี “พระเหลือ” ซึ่งพระยาลิไทรับสั่งให้ช่างนำเศษทองสัมฤทธิ์ที่เหลือจากการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดามารวมกันหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดเล็ก และพระสาวกยืนอีก 2 องค์ ประดิษฐานในวิหารน้อย เรียกยกว่า “วิหารพระเหลือ”